วิชาการโรงแรม 101: บทที่ 13 – “Hotel Classification” รู้จักประเภทโรงแรม ก่อนจะรู้จักลูกค้า
วิชาการโรงแรม 101: บทที่ 13 – “Hotel Classification” รู้จักประเภทโรงแรม ก่อนจะรู้จักลูกค้า
เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไมโรงแรมที่หนึ่งถึงเรียกตัวเองว่า “Boutique Hotel” ในขณะที่อีกแห่งหนึ่งเรียกตัวเองว่า “Resort” หรือทำไมโรงแรมที่ดูคล้ายๆ กัน บางที่ถึงมีราคาแพงกว่าอีกที่อย่างมหาศาล?
คำตอบส่วนหนึ่งอยู่ในวิชาพื้นฐานที่สุดบทหนึ่งของการโรงแรม นั่นคือ “Hotel Classification” หรือ “การจำแนกประเภทของโรงแรม” ครับ การเข้าใจว่าโรงแรมของเราจัดอยู่ใน “ประเภท” ไหน คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการกำหนด “กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย”, “มาตรฐานการบริการ”, และ “กลยุทธ์การตั้งราคา”
ในตำราการโรงแรม เราสามารถจำแนกประเภทของโรงแรมได้จากหลากหลายเกณฑ์ แต่นี่คือเกณฑ์หลักๆ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดครับ:
1. จำแนกตาม “ทำเลที่ตั้ง” (Location):
-
City Hotel / Business Hotel: ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหรือย่านธุรกิจ เน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักธุรกิจ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น ห้องประชุม, Business Center, และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
-
Resort Hotel: ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ชายทะเล หรือ ภูเขา เน้นกลุ่มลูกค้าที่มาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ มีกิจกรรมสันทนาการหลากหลาย เช่น สระว่ายน้ำขนาดใหญ่, สปา, หรือคิดส์คลับ
-
Airport Hotel: ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบิน เน้นกลุ่มลูกค้านักเดินทางที่รอต่อเครื่อง หรือเดินทางไฟลท์ดึก/เช้าตรู่ มีบริการรถรับ-ส่งสนามบินเป็นหัวใจสำคัญ
2. จำแนกตาม “ระดับการบริการและราคา” (Service Level & Price):
-
Luxury (โรงแรมหรู): คือโรงแรมระดับ 5 ดาวขึ้นไป ที่มอบบริการระดับสูงสุดในทุกๆ ด้าน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมีอัตราส่วนพนักงานต่อแขกที่สูงมาก
-
Mid-range / Full-service: คือโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ที่มีบริการครบวงจร ทั้งห้องพัก, ห้องอาหาร, รูมเซอร์วิส, และอาจมีสระว่ายน้ำหรือฟิตเนส เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในตลาด
-
Budget / Limited-service: คือโรงแรมราคาประหยัด ที่เน้นขาย “ห้องพักที่สะอาดและปลอดภัย” เป็นหลัก อาจจะไม่มีห้องอาหารหรือสระว่ายน้ำ เพื่อควบคุมต้นทุนและทำราคาให้ต่ำที่สุดได้
3. จำแนกตาม “ขนาด” (Size):
-
Small Hotel: มีจำนวนห้องพักน้อยกว่า 100 ห้อง
-
Medium Hotel: มีจำนวนห้องพักระหว่าง 100 – 300 ห้อง
-
Large Hotel: มีจำนวนห้องพักมากกว่า 300 ห้องขึ้นไป
4. จำแนกตาม “เอกลักษณ์เฉพาะตัว” (Specialty):
-
Boutique Hotel: คือโรงแรมขนาดเล็กที่มี “ดีไซน์” และ “คอนเซ็ปต์” ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร เน้นการมอบประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวและน่าจดจำ
-
Convention Hotel: คือโรงแรมขนาดใหญ่ที่มี “ศูนย์ประชุม” เป็นหัวใจหลัก สามารถรองรับการจัดงานประชุม สัมมนา หรืองานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ได้
-
Extended-stay Hotel: คือโรงแรมที่ออกแบบมาสำหรับ “การเข้าพักระยะยาว” ห้องพักมักจะมีขนาดใหญ่กว่าปกติและมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนอพาร์ตเมนต์ เช่น มุมทำครัวเล็กๆ
ที่ Elixir Hospitality เราเชื่อว่าการกำหนด “ประเภท” ของโรงแรมให้ชัดเจนตั้งแต่แรก คือหัวใจของการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง มันจะช่วยให้เราสามารถสื่อสารไปยัง “กลุ่มลูกค้าที่ใช่” ได้อย่างตรงจุด และสามารถออกแบบ “บริการที่ใช่” เพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดครับ
ชาติ เตมียเชิด