คำสาปห้อง 13: เมื่อโรงแรมต้องเผชิญกับอาถรรพ์ที่ซ่อนอยู่ใต้ตัวเลข
คำสาปห้อง 13: เมื่อโรงแรมต้องเผชิญกับอาถรรพ์ที่ซ่อนอยู่ใต้ตัวเลข
“คุณเคยได้ยินเรื่องโรงแรมที่ไม่มีห้องเบอร์ 13 ไหม? พวกคุณคิดว่ามันเป็นแค่ความเชื่อของฝรั่งงั้นเหรอ?”
ผม ชาติ เตมียเชิด ขอเล่าเรื่องราวที่พิสูจน์ว่า อาถรรพ์ตัวเลขนั้นเป็นสากล…และมันสามารถสั่นคลอนธุรกิจโรงแรมได้ทั้งอาคาร
โรงแรมเก่าแก่แห่งหนึ่งในย่านเยาวราชที่ผมเคยเข้าไปบริหารให้ Elixir Hospitality เผชิญกับปัญหาที่หนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรงแรม ปัญหาที่ไม่มีแผนการตลาดไหนแก้ไขได้ นั่นคือ “ห้อง 13”
ห้องพักเบอร์ 13 เป็นห้องที่ถูกปิดตายมานานเกือบ 20 ปี ไม่มีใครกล้าเปิดมัน ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน พนักงานซ่อมบำรุง หรือแม้แต่ผู้จัดการคนเก่า พนักงานที่ทำงานมานานเล่าให้ผมฟังว่าเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน เมื่อแขกที่เข้าพักในห้องนี้เสียชีวิตอย่างกะทันหันอย่างไม่ทราบสาเหตุ หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องแปลกๆ ไม่เว้นแต่ละวัน
เสียงเคาะประตูดังขึ้นกลางดึก ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยู่หน้าห้อง แขกที่มาพักห้องข้างเคียงเล่าว่าได้ยินเสียงคนหัวเราะและเสียงคนลากของหนักๆ อยู่ในห้อง 13 ทำให้พวกเขาต้องเช็คเอาท์กลางดึก และที่น่ากลัวที่สุดคือ ภาพถ่ายของแขกที่เสียชีวิต มักจะไปปรากฏในจอโทรทัศน์ของห้องอื่นๆ โดยไม่มีใครเปิด
สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ จนไม่มีใครกล้าขึ้นไปที่ชั้น 13 ในตอนกลางคืน แผนกขายและการตลาดของ Elixir Hospitality พยายามทุกวิถีทางเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่ความหวาดกลัวที่ฝังรากลึกนั้นยากเกินจะเอาชนะ
ผมตัดสินใจว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะต้องเผชิญหน้ากับความจริง ผมเดินขึ้นไปที่ชั้น 13 ในตอนกลางคืนตามลำพัง ความเงียบที่ไร้เสียงทำให้ผมรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่มองไม่เห็น ผมยืนอยู่หน้าประตูห้อง 13 ที่มีแสงสลัวๆ จากหลอดไฟที่กะพริบอยู่เหนือประตู ผมค่อยๆ เอื้อมมือออกไป…และเปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องไม่มีอะไรนอกจากความว่างเปล่าและกลิ่นอับชื้นที่เย็นยะเยือก แต่สิ่งที่ผมเห็นคือรอยขีดข่วนบนพื้นไม้เป็นทางยาวลากไปจากกลางห้อง…ไปจนถึงริมหน้าต่าง
การตัดสินใจของผมหลังจากนั้นเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตการทำงาน ผมไม่ได้ทำพิธีไล่ผี หรือสวดมนต์ แต่ผมสั่งให้ช่างซ่อมบำรุงทุบผนังห้อง 13 และเปลี่ยนห้องนั้นให้กลายเป็นห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดขนาดเล็กเพื่อใช้งานภายใน และทำลายทุกสิ่งในห้องนั้นจนหมดสิ้น
“ผมไม่ได้เชื่อเรื่องผี แต่ผมเชื่อในพลังงานที่มองไม่เห็น”
นับตั้งแต่วันนั้น เรื่องราวแปลกๆ ก็หายไปจากชั้น 13 ของโรงแรมแห่งนี้ ยอดจองค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนกลับมาเต็มทุกวัน แผนการตลาดที่วางไว้เริ่มได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์ และโรงแรมก็กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
คำสาปของห้อง 13 อาจจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงไม่มีใครรู้ แต่สำหรับผม มันคือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าการจัดการธุรกิจโรงแรมนั้น ไม่ใช่แค่การบริหารจัดการคนและเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการจัดการ “ความเชื่อ” และ “เรื่องราว” เพื่อนำโรงแรมไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน