RevPAR vs. TrevPAR: ทำไมโรงแรมที่เต็มทุกวัน…ถึงยังไม่มีกำไร
“RevPAR vs. TrevPAR: ทำไมโรงแรมที่เต็มทุกวัน…ถึงยังไม่มีกำไร”
📊 RevPAR คืออะไร?
-
Revenue per Available Room = รายได้จากห้องพักต่อจำนวนห้องที่มี
-
สูตร: (Room Revenue ÷ Total Rooms Available)
👉 ใช้กันทั่วไปเพื่อวัดประสิทธิภาพการขายห้อง
ตัวอย่าง: โรงแรม 100 ห้อง คืนนี้ขายได้ 80 ห้อง เฉลี่ยห้องละ 3,000 บาท
= RevPAR = 240,000 ÷ 100 = 2,400 บาท
ฟังดูดี…แต่ยังไม่พอ!
💰 TrevPAR คืออะไร?
-
Total Revenue per Available Room = รายได้รวมทั้งหมดต่อจำนวนห้องที่มี
-
ไม่ได้วัดแค่ห้อง แต่รวม F&B, สปา, แพ็กเกจทัวร์, มินิบาร์ ฯลฯ
ตัวอย่าง: โรงแรมเดียวกัน 100 ห้อง
-
Room Revenue = 240,000
-
F&B = 80,000
-
สปา = 20,000
-
รวมทั้งหมด = 340,000
👉 TrevPAR = 340,000 ÷ 100 = 3,400 บาท
🚨 บทเรียนจากสนามจริง
ผม, ชาติ เตมียเชิด, เคยเจอโรงแรมที่ Occupancy 90% แต่กำไรติดลบ เพราะมัวแต่วัด RevPAR อย่างเดียว → แขกเต็มห้องจริง แต่ไม่ใช้บริการอื่นๆ เลย
“ห้องพักเป็นแค่ประตู แต่กำไรจริงอยู่ที่ข้างใน”
หลังจากนั้น เราเริ่มออกแบบกลยุทธ์ “From Room to Revenue” เช่น:
-
Bundling (แพ็กเกจรวม): ขายห้องพร้อมดินเนอร์หรือสปา → แขกถูกบังคับใช้บริการอื่นด้วย
-
Cross-sell ช่วงเช็กอิน: Front Desk แนะนำ Afternoon Tea หรือ Shuttle Tour
-
Post-stay Offer: ส่งโปรโมชันกลับมาใช้สปาหรือห้องอาหาร แม้ไม่ได้พัก
ผลลัพธ์? TrevPAR กระโดดขึ้น 25% ภายใน 3 เดือน ทั้งที่ Occupancy ไม่เปลี่ยนเลย
📌 สรุปสั้นๆ
-
RevPAR = ดูแค่ห้อง
-
TrevPAR = ดูทั้งโรงแรม
-
โรงแรมที่ “เต็มทุกวัน” ไม่จำเป็นต้องกำไรดี
-
โรงแรมที่เข้าใจ TrevPAR จะรู้จัก บีบมูลค่าเพิ่มจากแขกที่มีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องพึ่งแค่ OTA หรือการลดราคา
และนี่คือหนึ่งในหัวใจที่ Elixir Hospitality ใช้ช่วยโรงแรมเปลี่ยนจาก “เต็มแต่ไม่รวย” → “เต็มแล้วยังเหลือกำไร”