ห้อง 301 เสียงที่ไม่มีใครเห็น
ห้อง 301 เสียงที่ไม่มีใครเห็น
คืนหนึ่งกลางฝนกรุง พนักงานหน้าใหม่ชื่อ “ลิซ่า” ได้เวรดึกที่โรงแรมไทยในเมืองใหญ่ สิ่งที่เธอไม่รู้มาก่อนคือ “ห้อง 301” เป็นห้องอาถรรพ์ที่เพื่อน ๆ พนักงานแอบกระซิบกันว่าใครขึ้นไปดูแลต้องมีเหตุการณ์ลี้ลับทุกครั้ง
คืนนั้นแขกไทยวัยกลางคนเช็คอินแบบปกติ ลิซ่าเดินนำทางพร้อมรอยยิ้ม “ห้องนี้วิวดีมากค่ะ” แขกตอบกลับว่า “ขอห้องที่ไม่มีมุมหลอนนะครับ…” ทั้งคู่หัวเราะกลบความกลัว พอแขกเข้าห้องเงียบเสียงไป ทุกอย่างก็เหมือนจะไม่มีอะไร
ตีสองกว่า ลิซ่าตรวจความเรียบร้อย บริเวณทางเดินกลับรู้สึกเย็นวาบ ทั้ง ๆ ที่แอร์ยังปิดอยู่ เธอคิดว่าคงเหนื่อยงาน ไร้เรื่องผิดปกติ… จนกระทั่งได้ยินเสียงน้ำในห้อง 301 เปิดเองดังมาก ๆ โถงทางเดินว่างเปล่า ลิซ่าเดินไปเคาะประตูถาม แขกเปิดออกด้วยสีหน้าตื่น ๆ “ขอโทษครับ ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้จากในห้องน้ำ ทั้งๆ ผมอยู่คนเดียว คืนนี้ขอย้ายห้องได้ไหม?”
ลิซ่าชวนแขกลงมาที่ล็อบบี้ ระหว่างพาเดินกลับรูปภาพบนผนังห้องพัก เห็นเงาสะท้อนของหญิงสาวชุดขาวเศร้าหมองอยู่ที่มุม—ลิซ่ารีบพาแขกเดินเร็วที่สุดและให้เข้าห้องใหม่ทันที
เช้ามา พี่แม่บ้านวงในเล่าให้ฟังว่า “ห้อง 301” เคยเกิดอุบัติเหตุเมื่อสิบปีก่อน จนมีคนย้ายออกบ่อย ๆ เป็นตำนานที่ทุกคนพูดถึงกันแค่เบา ๆ เพื่อจะได้ทำงานโดยไม่เสียอารมณ์ เด็กใหม่ทุกคนมี “พิธีขอขมาเจ้าที่” ก่อนขึ้นเวรดึก และบางคืนถ้าคนลิซ่าไหว้ศาลเจ้าที่หน้าโรงแรมก่อนเข้า ก็ไม่เจออะไรเลย
“บ้านใครไม่ได้ทาบ้านผีสิง ก็ไม่มีวันรู้ว่า ‘รู้สึกหลอน’ เวลาดึกๆ มันขนาดไหน!”
จากวันนั้นเป็นต้นมา ลิซ่าเข้าใจคำว่าหลอนในโรงแรมแบบไทยๆ อย่างแท้จริง ทุกครั้งที่มีแขกกลัวผีขอย้ายห้อง เธอจะตอบแบบขำขัน “ห้องใหม่นี้ไม่มีเสียงน้ำ แต่บางทีอาจได้ยินเพลงไทยเดิมบรรเลงเบาๆ แทน!” แขกหัวเราะกลบเกลื่อน แต่คนวงในรู้ดี…เสียงที่ไม่มีใครเห็นในโรงแรม คือน้ำหนักของคำว่าหลอนจริง ๆ