ปริศนา “เลขห้องหายไป”: ทำไมโรงแรมบางแห่งถึงไม่มีห้อง 4, 13, หรือแม้แต่ 420?
ปริศนา “เลขห้องหายไป”: ทำไมโรงแรมบางแห่งถึงไม่มีห้อง 4, 13, หรือแม้แต่ 420?
คุณเคยสังเกตไหม… เมื่อคุณเข้าพักโรงแรมหรูบางแห่ง แล้วกดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 14 แทนที่จะเป็นชั้น 13? หรือเดินผ่านห้อง 419 แล้วเจอห้อง 421 ทันที? หรือแม้แต่เลข 4 ที่หายไปในบางโรงแรม? ปรากฏการณ์ “เลขห้องหายไป” เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือเบื้องหลังความเชื่อ วัฒนธรรม และเหตุผลทางธุรกิจที่ซับซ้อน ซึ่งวันนี้ “วงในโรงแรม” จะพาคุณเจาะลึกถึงปริศนาที่น้อยคนนักจะรู้!
1. เลข 13: อาถรรพ์แห่งความโชคร้ายที่ข้ามทวีป
นี่คือเลขที่ถูกหลีกเลี่ยงมากที่สุดในโรงแรมทั่วโลก ความเชื่อเรื่องเลข 13 นำไปสู่โรคที่เรียกว่า
“Triskaidekaphobia” หรืออาการกลัวเลข 13 อย่างรุนแรง
- ที่มาของความเชื่อ:
- ตำนานนอร์ส: เทพเจ้า Loki เป็นแขกคนที่ 13 ที่มาถึงงานเลี้ยงใน Valhalla และเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย
- ศาสนาคริสต์: Judas ผู้ทรยศพระเยซู เป็นแขกคนที่ 13 ในพระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้าย (Last Supper)
- ประวัติศาสตร์: มีเหตุการณ์โชคร้ายหลายครั้งที่เชื่อมโยงกับวันศุกร์ที่ 13
- การปฏิบัติในโรงแรม: โรงแรมจำนวนมากจึงเลือกที่จะข้ามชั้น 13 ไปเลย (เช่น จากชั้น 12 ไป 14) หรือไม่มีห้องหมายเลข 13 ในทุกชั้น เพื่อความสบายใจของแขก บางแห่งถึงกับเปลี่ยนชื่อชั้น 13 เป็น 12A หรือ 12Bis
2. เลข 4: เสียงแห่งความตายในบางวัฒนธรรม
ในบางวัฒนธรรม โดยเฉพาะในเอเชีย เลข 4 ก็เป็นอีกหนึ่งเลขที่ถูกหลีกเลี่ยงอย่างจริงจัง
- ที่มาของความเชื่อ: ในภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่น คำว่า “สี่” (四) ออกเสียงคล้ายกับคำว่า “ตาย” (死) ทำให้เกิดความเชื่อว่าเลข 4 เป็นเลขแห่งความโชคร้ายหรือลางร้าย
- การปฏิบัติในโรงแรม: โรงแรมในประเทศแถบเอเชียบางแห่งจึงเลือกที่จะไม่มีชั้น 4 หรือห้องหมายเลข 4 เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายใจให้กับแขกผู้เข้าพัก
3. เลข 420: จากรหัสลับสู่การหายไปในโรงแรม
นี่คือเลขที่ “แหวกแนว” และน่าประหลาดใจที่สุดครับ! หลายคนอาจไม่รู้ว่าทำไมห้อง 420 ถึงหายไป หรือถูกเปลี่ยนเป็น 419+1
- ที่มาของความเชื่อ: เลข 420 มีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับวัฒนธรรมกัญชา โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา วันที่ 20 เมษายน (4/20 ตามรูปแบบวันที่ของอเมริกา) ถือเป็น “วันกัญชา”
- ปัญหาที่โรงแรมเจอ: ผู้ใช้กัญชาบางกลุ่มมีพฤติกรรมจองห้อง 420 เพื่อใช้เป็นสถานที่รวมตัวกันสูบกัญชา ซึ่งนำไปสู่ปัญหาด้านกลิ่น, ความเสียหาย, และการรบกวนแขกคนอื่นๆ
- การปฏิบัติในโรงแรม: เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ โรงแรมจำนวนมากจึงตัดสินใจ “ข้าม” ห้อง 420 ไปเลย หรือเปลี่ยนชื่อเป็น 419+1 เพื่อป้องกันปัญหาและปกป้องภาพลักษณ์ของโรงแรม
4. เบื้องหลังการตัดสินใจ: ไม่ใช่แค่ความเชื่อ แต่คือ “Common Sense”
การที่โรงแรมเลือกที่จะไม่มีเลขห้องหรือชั้นเหล่านี้ ไม่ได้มาจากความเชื่อส่วนบุคคลของเจ้าของโรงแรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นผลมาจากการตัดสินใจทางธุรกิจที่ชาญฉลาด
- ความสบายใจของแขก: โรงแรมต้องการให้แขกทุกคนรู้สึกสบายใจและปลอดภัย การหลีกเลี่ยงเลขที่อาจทำให้แขกรู้สึกไม่สบายใจจึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างประสบการณ์ที่ดี
- การหลีกเลี่ยงปัญหา: การป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ห้อง 420 หรือการร้องขอเปลี่ยนห้องจากแขกที่กลัวเลข 13 หรือ 4 ช่วยลดภาระการทำงานของพนักงานและรักษาความราบรื่นในการดำเนินงาน
- การรักษาธุรกิจ: ทำไมต้องเสี่ยงที่จะเสียลูกค้าหรือสร้างความไม่พอใจ เพียงเพราะตัวเลขในแผงลิฟต์หรือบนประตูห้อง? การหลีกเลี่ยงเลขเหล่านี้จึงเป็นเรื่องของ “Common Sense” ในการทำธุรกิจ
บทสรุป:
ปริศนา “เลขห้องหายไป” ในโรงแรมจึงเป็นมากกว่าแค่เรื่องลี้ลับ แต่คือการผสมผสานที่น่าสนใจระหว่างความเชื่อทางวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึก, จิตวิทยาของมนุษย์ที่ต้องการความปลอดภัย, และการตัดสินใจทางธุรกิจที่มุ่งเน้นความพึงพอใจของลูกค้าและการดำเนินงานที่ราบรื่น
สำหรับ อีลิคเซอร์ ฮอสพิทอลิตี้ แมเนจเม้นท์ โซลูชั่นส์ เราเชื่อว่าการเข้าใจความต้องการที่ลึกซึ้งของแขก ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อหรือเหตุผลทางธุรกิจ คือหัวใจสำคัญในการบริหารจัดการโรงแรม การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ คือสิ่งที่ทำให้โรงแรมของคุณเป็นมากกว่าแค่ที่พัก แต่เป็นสถานที่ที่มอบประสบการณ์ที่ “สบายใจ” และ “ไร้ข้อกังวล” อย่างแท้จริง