เคาะประตูก่อนเข้าห้องว่าง ไขความเชื่อ (ลับๆ) ที่ชาวโรงแรมรู้กัน
เคาะประตูก่อนเข้าห้องว่าง ไขความเชื่อ (ลับๆ) ที่ชาวโรงแรมรู้กัน
เคยสังเกตไหมครับว่า เวลาพนักงานโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านหรือ Room Service มาที่หน้าห้องพักของคุณ พวกเขาจะเคาะประตูเป็นธรรมเนียมเสมอ… ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติใช่ไหมครับ? แต่ผมจะบอกความลับอย่างหนึ่งให้… แม้แต่ห้องที่ “ว่าง” และไม่มีแขกเข้าพัก พนักงานที่มีประสบการณ์ทุกคนก็จะ “เคาะประตู” ก่อนใช้คีย์การ์ดเปิดเข้าไปเสมอ
ทำไมกันล่ะ?
สวัสดีครับ ‘ชาติ’ เองครับ วันนี้เราจะมาดำดิ่งสู่โลกเบื้องหลังของโรงแรม ที่ซึ่งการบริการชั้นเลิศไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยตำราเพียงอย่างเดียว แต่ยังถูกหล่อหลอมด้วย “ความเชื่อ” ที่ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น และการ “เคาะประตูก่อนเข้าห้องว่าง” ก็คือหนึ่งในนั้นครับ
พนักงานโรงแรมที่ทำงานมานานจะรู้ดีว่า ทุกๆ สถานที่ย่อมมี “เจ้าที่เจ้าทาง” หรือพลังงานบางอย่างที่เรามองไม่เห็นสถิตอยู่ การเคาะประตูจึงไม่ใช่แค่การส่งสัญญาณให้ “แขกที่เป็นมนุษย์” รู้ตัว แต่ยังเป็นการ “ให้เกียรติและขออนุญาต” ต่อ “แขกที่มองไม่เห็น” หรือเจ้าของพื้นที่เดิมให้รับรู้ถึงการมาของเรา เป็นการแสดงความเคารพเพื่อให้การทำงานในวันนั้นๆ ราบรื่น ปราศจากอุปสรรคหรือเหตุการณ์แปลกๆ ที่อธิบายไม่ได้
แต่นี่เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นครับ ยังมีความเชื่ออีกมากมายที่ฝังรากลึกอยู่ในการออกแบบและการดำเนินงานของโรงแรม
ศิลปะแห่งการจัดวางเตียงนอน
คุณจะไม่มีวันเห็นโรงแรมที่ได้มาตรฐานวางเตียงนอนให้ปลายเท้าชี้ตรงกับประตูห้องพักเด็ดขาด ในทางศาสตร์ฮวงจุ้ยและตามความเชื่อของไทย การนอนให้เท้าหันไปทางประตูเปรียบเสมือน “ท่านอนของคนตาย” ที่พร้อมจะถูกนำออกจากห้อง ซึ่งถือเป็นอัปมงคลอย่างยิ่ง การจัดวางเตียงจึงต้องเยื้องจากประตูเสมอเพื่อให้ผู้เข้าพักนอนหลับอย่างสงบและมีพลังงานที่ดี
กระจกเงา…ต้องไม่ส่องเตียง
อีกหนึ่งกฎเหล็กของการออกแบบห้องพัก คือการไม่ติดตั้งกระจกเงาบานใหญ่ไว้ที่ปลายเตียงหรือในตำแหน่งที่ส่องสะท้อนเห็นคนบนเตียงได้โดยตรง ตามความเชื่อโบราณเชื่อว่ากระจกสามารถ “ดูดวิญญาณ” ของคนที่หลับใหล หรือเป็นประตูเชื่อมต่อกับมิติอื่นได้ แต่ในทางจิตวิทยา การที่เราสะดุ้งตื่นกลางดึกแล้วเห็นเงาของตัวเองเคลื่อนไหวในกระจก ก็อาจทำให้ตกใจและนอนไม่หลับได้เช่นกัน นี่คือจุดที่ความเชื่อและหลักการออกแบบมาบรรจบกันอย่างลงตัวเพื่อ “ความสบายใจ” สูงสุดของแขก
ผู้พิทักษ์ที่มองเห็น: ศาลพระภูมิและศาลตายาย
แทบทุกโรงแรมในประเทศไทย จะต้องมี “ศาลพระภูมิ” และ “ศาลตายาย” ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและสง่างามเสมอ นี่ไม่ใช่แค่การตกแต่ง แต่คือหัวใจแห่งความเชื่อมั่นของธุรกิจ พนักงานทุกคนตั้งแต่ผู้จัดการทั่วไปไปจนถึงพนักงานรักษาความปลอดภัย จะให้ความเคารพและสักการะท่านอยู่เสมอ เชื่อกันว่าท่านคือผู้พิทักษ์ที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยของสถานที่ ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และดลบันดาลให้กิจการเจริญรุ่งเรือง มีแขกเข้าพักเต็มอยู่ตลอด
ความเชื่อเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องงมงายครับ แต่มันคือ “ภูมิปัญญา” ที่ถูกถักทอเข้ากับหัวใจของการบริการอย่างแยกไม่ออก เพราะเป้าหมายสูงสุดของธุรกิจโรงแรม ไม่ใช่แค่การมอบที่พักที่สะดวกสบาย แต่คือการมอบ “ความรู้สึกปลอดภัยและเป็นสุข” ให้กับแขกทุกคนที่ก้าวเข้ามา… ทั้งแขกที่มองเห็น และแขกที่มองไม่เห็นครับ